การทำแอปพลิเคชันนับเป็นการลงทุนให้กับธุรกิจอีกอย่างหนึ่ง เนื่องจากเป็นการเพิ่มช่องทางที่อาจทำกำไรให้ธุรกิจได้ หลายคนยังไม่รู้ว่าการทำแอปเริ่มต้นยังไง หรืออยากทำแอปแต่ไม่แน่ใจว่าต้องใช้เงินเท่าไหร่ การพัฒนาแอปพลิเคชัน จะมีต้นทุนในการพัฒนาที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับขนาดและความซับซ้อนของแอป
การทำแอปมีค่าใช้จ่ายเท่าไหร่?
เมื่อต้องการทำแอปพลิเคชัน แน่นอนว่าสิ่งแรกที่ต้องคำนึงถึง นอกจากกระบวนการและขั้นตอนการทำแอปแล้ว ก็คงจะเป็นงบประมาณในการทำแอป ดังที่กล่าวไปว่า การทำแอปจะใช้เงินหรืองบประมาณที่แตกต่างกันออกไป ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายประการ ดังนั้นนักพัฒนาแอปมักประเมินราคาการทำแอปดังหัวข้อต่อไปนี้
1.ขั้นตอนและระยะเวลาในการทำแอป
2.ประเภทและฟังก์ชันการทำงาน
3.ความซับซ้อนของแอปทั้งฟีเจอร์และการออกแบบ UI/UX
4.การใช้โปรโตคอลที่มีความปลอดภัยเช่น HIPAA หรือ GDPR
5.การรวมบุคคลที่สามเข้ากับแอป
6.จำนวนนักพัฒนาในทีมพัฒนา
ปัจจัยที่ส่งผลต่อต้นทุนในการทำแอปพลิเคชัน
1. ความซับซ้อนของแอป
- แอปที่มีความซับซ้อนน้อย มีฟังก์ชันพื้นฐานง่ายๆ เช่น แอปเครื่องคิดเลขไฟฉาย หรือปฏิทิน จะมีต้นทุนในการพัฒนาต่ำ ตั้งแต่ 10,000 ถึง 40,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
- แอปที่มีความซับซ้อนปานกลาง เช่น แอปโซเชียลมีเดียหรืออีคอมเมิร์ซ จะมีราคาระหว่าง 30,000 ถึง 500,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ ขึ้นไป
- แอปที่มีความซับซ้อนสูงมาก มีฟังก์ชันการทำงานที่ซับซ้อนและฟีเจอร์ระดับองค์กร เช่น แอพการธนาคารหรือการดูแลสุขภาพ มีราคาสูงกว่า 500,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ และถึงหลักล้านด้วยแอพที่ทันสมัยที่สุด
2. แพลตฟอร์มที่ใช้งาน
- แอปแพลตฟอร์มเดียว (Android หรือ iOS) มีราคาตั้งแต่ 8,000 ถึง 14,000 ดอลลาร์
- ไฮบริด (Android + iOS) มีราคาตั้งแต่ 13,000 ถึง 16,000 เหรียญสหรัฐ
- การพัฒนาเว็บแอปอาจมีราคาตั้งแต่ 13,000 ถึง 16,000 เหรียญสหรัฐ
แอพ iOS - แอปพลิเคชันบน iOS คือ ราคาการพัฒนาแอพ iOS อยู่ระหว่าง 75,000 ถึง 500,000 เหรียญสหรัฐ
- แอปพลิเคชันบน Android ค่าใช้จ่ายในการสร้างแอปพลิเคชันมือถือ Android อยู่ระหว่าง 70,000 ถึง 500,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ
- แอปไฮบริด คือแอปพลิเคชันที่ทำงานทั้งบนอุปกรณ์ Android และ iOS ค่าใช้จ่ายในการสร้างแอปมือถือข้ามแพลตฟอร์มอยู่ระหว่าง 90,000 ถึง 700,000 ดอลลาร์
3. ประเภทแอปพลิเคชัน
ประเภทของแอปพลิเคชัน มีผลอย่างมากต่อต้นทุนการพัฒนา โดยต้นทุนจะอยู่ระหว่าง 900,000 บาทถึงมากกว่า 1,200,000 บาท(รายละเอียดตามตารางด้านล่าง) ตัวอย่างเช่น แอปบนมือถือต้องมีการพัฒนาสำหรับทั้งแพลตฟอร์ม iOS และ Android ซึ่งอาจเพิ่มความซับซ้อนและค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมได้ โดยทั่วไป แอปสามารถจัดหมวดหมู่ได้ดังต่อไปนี้
- แอพโซเชียลมีเดีย: เช่น Facebook, Instagram และ Twitter
- แอปอีคอมเมิร์ซ: เช่น Amazon, Ikea และ Shopee
- แอปเกม: เช่น PUBG Mobile, Among Us และ Candy Crush Saga
- แอปการศึกษา: เช่น Duolingo, Coursera และ Udemy
- แอปดูแลสุขภาพและฟิตเนส: เช่น Strava, Nike และ MyFitnessPal
- แอปท่องเที่ยว: เช่น Airbnb, TripAdvisor และ Google Maps
- แอปเพิ่มประสิทธิภาพ: เช่น Trello, Evernote และ Asana
- แอพตามความต้องการ: เช่น Uber, Grab และ Lineman
ตารางเปรียบเทียบราคาการสร้างแอปพลิชั่นแต่ละประเภท
ประเภทแอปพลิเคชัน | ต้นทุน | ระยะเวลา |
แอพโซเชียลมีเด | 1,500,000 – 9,000,000 บาท | 1,200 ชั่วโมง |
แอปอีคอมเมิร์ | 1,500,000 – 4,500,000 บาท | 1,200 ชั่วโมง |
แอปเกม | 1,800,000 – 7,500,000 บาท | 1,600 ชั่วโมง |
แอปการศึกษา | 1,800,000 – 6,750,000 บาท | 900 ชั่วโมง |
แอปดูแลสุขภาพและฟิตเนส | 1,650,000 – 9,000,000 บาท | 1,200 ชั่วโมง |
แอปท่องเที่ยว | 1,500,000 – 12,000,000 บาท | 1,600 ชั่วโมง |
แอปเพิ่มประสิทธิภาพ | 1,500,000 – 6,000,000 บาท | 1,200 ชั่วโมง |
แอปตามความต้องการ | 120,000-650,000 บาท | 1,600 ชั่วโมง |
อย่างไรก็ตาม การทำแอปไม่ใช่ค่าใช้จ่ายที่เกิดขึ้นเพียงครั้งเดียว เนื่องจากจะมีค่าการบำรุงรักษา การอัปเดต และการปรับปรุงอย่างต่อเนื่องทุกขณะที่แอปเกิดการใช้งาน
ต้นทุนแฝงในการทำแอป
ต้นทุนแฝงหมายถึงค่าใช้จ่ายที่อาจไม่เกิดขึ้นทันทีเมื่อพัฒนาแอป ค่าใช้จ่ายเหล่านี้มักถูกมองข้ามไป แต่อาจส่งผลกระทบอย่างมากต่อต้นทุนโดยรวมของการพัฒนาแอป
ตัวอย่างต้นทุนแฝงในการพัฒนาแอปที่ซ่อนอยู่ได้แก่
- โฮสติ้งแอป : การสร้างแอปจำเป็นต้องใช้โฮสต์แอปเพื่อเป็นแหล่งการจัดการฐานข้อมูลบนเซิร์ฟเวอร์ ดังนั้น จึงจำเป็นต้องพิจารณาค่าใช้จ่ายสำหรับการโฮสต์ด้วย
- การรวมกับบริการของบริษัทอื่น : แอพจำนวนมากจำเป็นต้องบูรณาการกับบริการของบริษัทอื่น เช่น เกตเวย์การชำระเงิน แพลตฟอร์มโซเชียลมีเดีย หรือ API การรวมบริการเหล่านี้อาจทำให้เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เช่น ค่าธรรมเนียมใบอนุญาตหรือการใช้งาน API
- คุณลักษณะด้านความปลอดภัย : ความปลอดภัยควรมีความสำคัญสูงสุดสำหรับโครงการพัฒนาแอปใดๆ อย่างไรก็ตาม การใช้คุณลักษณะด้านความปลอดภัย เช่น การเข้ารหัส การตรวจสอบสิทธิ์แบบสองปัจจัย และการตรวจสอบ TLS ร่วมกัน อาจทำให้เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมได้
- ค่าธรรมเนียม App Store : หากคุณวางแผนที่จะเผยแพร่แอปของคุณผ่าน App Store เช่น App Store ของ Apple หรือ Google Play คุณจะต้องจ่ายค่าธรรมเนียมให้กับแพลตฟอร์มเหล่านี้ ค่าธรรมเนียมเหล่านี้อาจรวมค่าบริการในการส่งแอปและการอัปเดต
- การบำรุงรักษาและการอัปเดต : หลังจากเปิดตัวแอป จำเป็นต้องมีการบำรุงรักษาและอัปเดตอย่างต่อเนื่องเพื่อให้แอปทำงานได้อย่างราบรื่น และเพื่อแก้ไขข้อบกพร่องหรือปัญหาใดๆ การบำรุงรักษาอาจรวมถึงค่าใช้จ่ายสำหรับทีมงานด้านเทคนิค ค่าใช้จ่ายเซิร์ฟเวอร์ หรือทำการปรับปรุงในอนาคต
- การตลาด : โปรโมชันและโฆษณาช่วยให้คุณเข้าถึงผู้ชมและสร้างแอปที่ประสบความสำเร็จ ดังนั้นจึงควรคำนึงถึงค่าใช้จ่ายนี้ด้วย
สิ่งสำคัญของการคำนวณต้นทุนการทำแอป คือการคิดรวมค่าต้นทุนแฝงที่ซ่อนอยู่เหล่านี้ไปด้วย การคำนวณต้นทุนแฝง ควรคิดเท่ากับ 2-3 เท่า ของราคาการพัฒนาเริ่มต้น
ตัวอย่างต้นทุนการทำแอป
TikTok
TikTok เป็นแอปพลิเคชันโซเชียลมีเดียยอดนิยมสำหรับการแชร์วิดีโอ ต้นทุนในการทำแอปอย่าง TikTok
อาจเริ่มต้นที่ 70,000 ดอลลาร์และอาจใช้เวลาประมาณ 1,200 ชั่วโมงตามขอบเขตของฟีเจอร์และฟังก์ชันการทำงานของแอป
คุณสมบัติของแอปประกอบด้วย:
- การส่งข้อความออนไลน์
- แบ่งปันภาพ, วิดีโอ, เสียง
- การสนับสนุนหลายภาษา
- การเชื่อมต่อผู้ใช้
- video calls
Ikea
Ikea เป็นแอปพลิเคชั่นตามแบรนด์ที่พัฒนาขึ้นเพื่อรูปถ่ายเฟอร์นิเจอร์ในคลังสินค้าเป็นโมเดล 3 มิติ ค่าใช้จ่ายของการทำแอปอาจเริ่มต้นที่ 45,000 ดอลลาร์ และอาจใช้เวลาประมาณ 1,000 ชั่วโมงเนื่องจากคุณสมบัติและการผสานรวมหลากหลาย รวมถึงด้านความปลอดภัย
คุณสมบัติของแอปประกอบด้วย:
- การสร้างภาพ 3 มิติของผลิตภัณฑ์
- การแชร์ไปยังโซเชียลมีเดีย
- มุมมอง 360 องศาของผลิตภัณฑ์
- แดชบอร์ดและการวิเคราะห์แบบเรียลไทม์
- การทำ CRM
Tinder
Tinder เป็นแอปพลิเคชั่นโซเชียลเน็ตเวิร์กและการหาคู่ เป็นแอปที่ออกแบบแบบเรียบง่าย ที่ให้ผู้ใช้สามารถปัดภาพไปทางขวาหรือซ้ายเพื่อเชื่อมต่อกับผู้ที่มีแนวโน้มจะเป็นคู่ได้ ค่าใช้จ่ายในการสร้างแอปหาคู่อย่าง Tinder อยู่ที่ประมาณ 100,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ พร้อมฟีเจอร์ต่างๆ เช่น
- หน้าเข้าสู่ระบบ
- การรับรองความถูกต้องของผู้ใช้ การอนุญาต
- ประวัติผู้ใช้,
- การส่งข้อความในแอป
- ตำแหน่ง GPS
- การแจ้งเตือนแบบพุช
- เกตเวย์การชำระเงินในแอป
เป้าหมายหลักของการทำแอป คือการสร้างแอปเหมาะสมที่สุดให้กับธุรกิจ เพื่อเพิ่มโอกาสประสบความสำเร็จให้กับธุรกิจ โดยใช้งบประมาณและต้นทุนที่สมเหตุสมผล แต่มันอาจจะเป็นเรื่องที่ยุ่งยากนักสำหรับผู้เริ่มต้น หากคุณต้องการสร้างแอปที่ประสบความสำเร็จด้วยต้นทุนที่ต่ำ ทาง Escendex เราพร้อมให้บริการและคำปรึกษาตลอด 24 ชั่วโมง
สอบถามเพิ่มเติม ติดต่อได้ที่
E-mail: contact@escendex.com
Blockdit: https://www.blockdit.com/escendex
Facebook: https://www.facebook.com/EscendeX
LinkedIn: https://www.linkedin.com/company/escendex
Medium: https://medium.com/@escendex